Chatbot ในวงการแพทย์: 10 การใช้งานและประโยชน์สูงสุด

Chatbot กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับบริการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม เกือบ 90% ของคำถามจากลูกค้าสามารถแก้ไขได้ในไม่เกิน 10 ข้อความผ่าน Chatbot และ 74% ของผู้ใช้ในปัจจุบันเลือกใช้ Chatbot สำหรับคำถามง่าย ๆ

วงการสุขภาพก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับ Chatbot ทุกวันนี้มีการใช้งาน Chatbot ด้านสุขภาพในหลายกรณี สถานพยาบาลต่าง ๆ ได้นำ Chatbot เข้ามาช่วยผู้ป่วยในการนัดหมาย ตอบคำถาม ส่งการแจ้งเตือน และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น คู่มือนี้จะพาคุณเจาะลึกการใช้งาน Chatbot ด้านสุขภาพ เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้ประโยชน์สูงสุดในสถานพยาบาลของคุณได้เช่นกัน

ส่วนที่ 1: ประโยชน์ของ Chatbot ด้านสุขภาพมีอะไรบ้าง?

Chatbot ด้านสุขภาพเปรียบเสมือนผู้ช่วยเสมือนจริงที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับความช่วยเหลือได้รวดเร็วขึ้น เป็นช่องทางที่ง่ายสำหรับผู้ป่วยในการแก้ไขข้อสงสัยด้วยตนเอง

ประโยชน์หลักของ Chatbot ในวงการสุขภาพ มีดังนี้:

• ตอบกลับรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง: Chatbot พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยเพียงแค่เข้าใช้งาน ส่งข้อความ แล้วก็ได้รับคำตอบทันที ไม่ต้องรอหรือเจอการตอบกลับล่าช้าเหมือนการติดต่อทีมสนับสนุนมนุษย์
• ประหยัดต้นทุน: Chatbot ช่วยลดต้นทุนของบริการด้านสุขภาพได้มาก สามารถทำงานซ้ำ ๆ แทนมนุษย์ ลดภาระของทีมสนับสนุน จึงไม่จำเป็นต้องใช้ทีมขนาดใหญ่และประหยัดทรัพยากรภายในองค์กร ในปี 2022 เพียงปีเดียว Chatbot ด้านสุขภาพช่วยประหยัดเงินไปกว่า $3.6 พันล้าน และตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นทุกปี
• เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ป่วย: Chatbot สามารถสื่อสารแบบเฉพาะบุคคลกับผู้ป่วย ไม่ใช่แค่เป็นศูนย์ข้อมูล แต่ยังสร้างบรรยากาศการโต้ตอบ เมื่อผู้ป่วยสามารถแก้ไขข้อสงสัย รับแผนการรักษาที่ดีขึ้น และได้รับกำลังใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างสถานพยาบาลกับผู้ป่วย
• ความเป็นนิรนาม: ผู้ป่วยหลายคนต้องการเก็บข้อมูลสุขภาพเป็นความลับ Chatbot ด้านสุขภาพเป็น virtual agent ที่ให้ความเป็นนิรนามแก่ผู้ป่วย ด้วยการตอบกลับที่ไม่ตัดสิน
• ให้ความรู้ด้านสุขภาพ: Chatbot ให้ข้อมูลที่เข้าใจง่ายและเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับอาการ โรค การรักษา ฯลฯ ช่วยให้ผู้ป่วยตัดสินใจเรื่องสุขภาพได้ถูกต้องและมีแนวทางเชิงรุกต่อสุขภาพของตนเอง
• เครื่องมือคัดกรองเบื้องต้น: Chatbot ทำหน้าที่เป็น triage tool ประเมินอาการและประวัติสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม สถานพยาบาลสามารถจัดลำดับและบริหารผู้ป่วยได้ดีขึ้นตามระดับความรุนแรง
• ตัดสินใจด้วยข้อมูล: Chatbot ยังให้ข้อมูลและ insight ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผู้ป่วยและแนวโน้มต่าง ๆ ซึ่งนำไปใช้ตัดสินใจเชิงข้อมูลและปรับปรุงบริการให้เหมาะสม
• รองรับการขยายตัว: Chatbot สามารถรองรับคำถามได้มากขึ้นเมื่อจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ไม่จำเป็นต้องเพิ่มบุคลากรมนุษย์ แต่ Chatbot สามารถดูแลผู้ป่วยหลายรายพร้อมกันและให้ความช่วยเหลือได้ทันเวลา

ประโยชน์ทั้งหมดข้างต้นของ Chatbot ในวงการสุขภาพ สะท้อนถึงความจำเป็นในการนำมาใช้ในยุคดิจิทัลนี้ ดังนั้น มาดูการใช้งาน Chatbot ด้านสุขภาพ และวิธีสร้าง Chatbot กันต่อไป

ส่วนที่ 2: 10 การใช้งาน Chatbot ด้านสุขภาพ

Chatbot ด้านสุขภาพมีบทบาทสำคัญในวงการแพทย์ยุคใหม่ และถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรองรับความคาดหวังของผู้ป่วยและการแข่งขันในตลาด ดังนั้น ต่อไปนี้คือ 10 การใช้งาน Chatbot ด้านสุขภาพที่คุณควรรู้:

1. การนัดหมายและจัดการตารางนัด

การนัดหมายถือเป็นงานที่ยุ่งยากมากในวงการแพทย์ แต่ Chatbot ด้านสุขภาพสามารถทำให้กระบวนการนี้เป็นอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถนัดหมายตามวันที่และเวลาที่ผู้ป่วยต้องการได้ เพียงแค่แชทไม่กี่วินาทีก็เสร็จสิ้น และ Chatbot ยังช่วยยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงนัดหมายได้ด้วย

2. ประเมินอาการ

ผู้ป่วยมักต้องการประเมินอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อนพบแพทย์ Chatbot ด้านสุขภาพสามารถช่วยประเมินอาการเบื้องต้นได้ โดยจะสอบถามคำถามเป็นชุด ๆ เพื่อประเมินอาการของผู้ป่วย และแสดงรายการวินิจฉัยที่เป็นไปได้ วิธีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการไปพบแพทย์โดยไม่จำเป็น หรือรีบพบแพทย์ทันทีหากอาการดูรุนแรง

3. ตอบคำถาม (FAQs, ยา ฯลฯ)

ผู้ป่วยมักมีคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ยา และอื่น ๆ มากมาย หนึ่งในกรณีการใช้งาน Chatbot ด้านสุขภาพที่พบบ่อยที่สุดคือการตอบคำถามทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา การดูแลก่อนหรือหลังการรักษา และอื่น ๆ เช่น “แอสไพรินช่วยรักษาหวัดได้ไหม”, “ผลข้างเคียงของยา Augmentin คืออะไร”, “หลังรักษารากฟันควรระวังอะไร” เป็นต้น วิธีนี้ช่วยให้สถานพยาบาลลดจำนวนสายโทรเข้า เพราะ Chatbot จะตอบคำถามเหล่านี้ให้อัตโนมัติ

4. อัปเดตผลแลป

Chatbot ด้านสุขภาพช่วยให้ติดตามผลแลปได้ง่ายขึ้น โดย Chatbot สามารถส่งผลแลปให้ผู้ป่วยโดยอัตโนมัติ หรือให้เมื่อผู้ป่วยร้องขอ ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลแลปและเริ่มดูแลรักษาได้ทันเวลา อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนงานเอกสารฝ่ายธุรการ

5. จัดการคำถามเกี่ยวกับประกัน

Chatbot ด้านสุขภาพยังสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับประกัน เช่น ข้อมูลกรมธรรม์ ขอบเขตความคุ้มครอง การยื่นเคลม การติดตามเคลม และอื่น ๆ ช่วยให้จัดการเรื่องประกันได้สะดวกขึ้น

6. แจ้งเตือนอัตโนมัติ

อีกหนึ่งกรณีการใช้งานของ Chatbot ด้านสุขภาพคือการส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติ เช่น แจ้งเตือนเรื่องการรับประทานยา เพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ถูกต้อง หรือแจ้งเตือนการฉีดวัคซีน การเติมยา และอื่น ๆ

7. ช่วยเตรียมตัวก่อนนัดตรวจวินิจฉัย

การตรวจวินิจฉัยหลายอย่างมีข้อควรปฏิบัติก่อนตรวจ เช่น การตรวจเบาหวานต้องงดอาหารล่วงหน้า 8 ชั่วโมง Chatbot ด้านสุขภาพสามารถส่งแจ้งเตือนข้อมูลสำคัญให้ผู้ป่วย เพื่อให้พร้อมสำหรับการนัดตรวจวินิจฉัย และยังสามารถแนะนำขั้นตอน ระยะเวลารอคอย ฯลฯ เพื่อให้ผู้ป่วยเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจ

8. เชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

Chatbot ด้านสุขภาพสามารถนัดหมายการโทรกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้ ทั้งแบบเสียงหรือวิดีโอ และยังสามารถโอนสายผู้ป่วยไปยังเจ้าหน้าที่มนุษย์โดยอัตโนมัติหากไม่สามารถตอบคำถามได้เอง วิธีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

9. ส่งข้อความทักทายที่เป็นมิตร

หนึ่งในข้อดีสำคัญของ Chatbot ด้านสุขภาพ คือสามารถใช้ได้ทั้งตอบคำถามทางการแพทย์และการตลาด เช่น ส่งข้อความทักทาย อวยพรวันเกิด หรือเชิญร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับผู้ป่วย ข้อความเหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วมกับบริการมากขึ้น

10. รวบรวมข้อเสนอแนะ

Chatbot ด้านสุขภาพยังเป็นช่องทางที่สะดวกในการรวบรวมข้อเสนอแนะ หลายคนยินดีให้ feedback เกี่ยวกับบริการแต่ไม่มีเวลาทำแบบสอบถามยาว ๆ บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ Chatbot ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถให้ข้อเสนอแนะได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่วินาที

ส่วนที่ 3: สร้าง AI Healthcare Chatbot ได้ง่าย ๆ ด้วย GPTBots

เมื่อคุณทราบกรณีการใช้งาน Chatbot ด้านสุขภาพที่สำคัญแล้ว คำถามต่อไปคือจะสร้าง Chatbot ด้านสุขภาพของคุณเองได้อย่างไร จริง ๆ แล้วการสร้าง Chatbot ไม่ใช่เรื่องยาก แค่เลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้และทำตามขั้นตอนง่าย ๆ GPTBots คือคำตอบสำหรับเรื่องนี้

กล่าวโดยสรุป GPTBots ช่วยให้คุณสร้างและใช้งาน healthcare chatbot ได้ง่ายสำหรับทุก use case ข้างต้น

นี่คือ 6 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการสร้าง AI healthcare chatbot ด้วย GPTBots:

Step 1. ไปที่เว็บไซต์ GPTBots.ai และสมัครสมาชิก

Step 2. คลิก New Agent > Create from Blank เพื่อเริ่มต้นสร้าง

Step 3. ตั้งค่าพื้นฐานของ Agent เช่น เลือก LLM model ที่ต้องการ ความยาวของคำตอบ และอื่น ๆ

ในส่วน "Identity Prompt" คุณต้องระบุบทบาท งาน ทักษะ ข้อจำกัด และรายละเอียดอื่น ๆ ของบอทให้ชัดเจนที่สุด เพื่อสร้างบอทที่มีคุณภาพ

Step 4. คลิก Knowledge > Documents ทางซ้ายมือ แล้วอัปโหลดเอกสารของคุณเพื่อฝึกบอท

เมื่ออัปโหลดไฟล์ครบแล้ว ให้ใช้ฟีเจอร์ "Retrieval Test" เพื่อทดสอบผลลัพธ์ของบอทและแก้ไขคำตอบตามต้องการ

Step 5. ในโมดูล Tools คุณสามารถเชื่อมต่อ API ที่เตรียมไว้เป็นเครื่องมือเสริมให้บอท เช่น สร้างและเพิ่มเครื่องมือสำหรับนัดหมาย

นอกจากนี้ GPTBots ยังมีเครื่องมือสำเร็จรูปให้เลือกใช้มากมาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ chatbot ของคุณ

Step 6. เมื่อสร้าง AI Agent เสร็จแล้ว ให้คลิก "Integrations" ทางแถบซ้ายมือเพื่อเชื่อมต่อ/เปิดใช้งานในช่องทางที่ต้องการ เช่น WhatsApp, Discord, iframe และอื่น ๆ

เพียงเท่านี้! GPTBots จึงเป็นแพลตฟอร์มทรงพลังสำหรับสร้าง healthcare chatbot ประสิทธิภาพสูง

สรุป

Chatbot ด้านสุขภาพกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสถานพยาบาลในยุคดิจิทัล ตัวอย่างการใช้งานข้างต้นแสดงให้เห็นว่า bot สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารกับผู้ป่วยและทำให้การดำเนินงานเป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ การสร้าง chatbot เฉพาะทางด้วย GPTBots ก็ง่ายและสะดวกกว่าที่เคย ถึงเวลายกระดับองค์กรของคุณให้ทันสมัยและสร้าง chatbot ด้านสุขภาพเต็มรูปแบบกับ GPTBots สมัครใช้งาน GPTBots และเริ่มต้นได้เลย!

ดูตัวอย่างใช้งาน

ค้นพบว่า GPTBots จะช่วยให้ธุรกิจของคุณง่ายขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรวันนี้

• วิธีสร้าง Discord Bot ไม่ต้องเขียนโค้ด
• วิธีสร้าง WhatsApp Bot ภายใน 5 นาที (แค่ 3 ขั้นตอน)
• วิธีสร้าง Chatbot สำหรับ LINE ใน 5 นาที: คู่มือฉบับละเอียด
• [ใช้งานได้จริง 100%] วิธีสร้าง AI Chatbot สำหรับ Telegram ไม่ต้องเขียนโค้ด
• Slack Bots คืออะไร & วิธีสร้าง Slack Bot