การแยกข้อมูลออกเป็นไซโลและการกระจายแอปพลิเคชันมากเกินไป เป็นอุปสรรคสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรยุคใหม่ เพราะข้อมูลสำคัญกระจัดกระจาย ทีมงานต้องคอยสลับใช้งานระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน แม้ระบบอัตโนมัติแบบเดิมที่ใช้กฎตายตัวหรือ RPA bots จะช่วยงานซ้ำซากได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถขยายผลได้เมื่อเวิร์กโฟลว์มีข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง หรือเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจข้ามแอปพลิเคชัน
ปัจจุบัน ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติในองค์กรกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ฉลาดกว่าเดิม ด้วยการขับเคลื่อนโดย AI Agents (ที่ใช้พลังของโมเดลภาษาใหญ่) ซึ่งสามารถตีความเอกสาร อีเมล และบทสนทนา เพื่อช่วยตัดสินใจอย่างเข้าใจบริบทในหลากหลายแอปพลิเคชัน ผลลัพธ์คือชั้นปฏิบัติการที่เชื่อมโยงและปรับตัวได้เอง เชื่อมข้อมูลและแอปพลิเคชันต่าง ๆ อย่างชาญฉลาดตลอดกระบวนการ
มาสำรวจการทำงานของ เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI กัน
ระบบบริหารจัดการเวิร์กโฟลว์องค์กรยุคใหม่!
ระบบบริหารจัดการเวิร์กโฟลว์องค์กร ไม่ใช่แค่เครื่องมือจัดตารางงานตามกฎที่ตั้งไว้ล่วงหน้า แต่เป็นแพลตฟอร์มศูนย์กลางที่มี AI Agents และระบบประสานงานร่วมกัน สามารถตีความข้อมูลใด ๆ ขององค์กรและดำเนินการได้ทันที เบื้องหลังคือโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) และเอนจิน AI อื่น ๆ ที่เปลี่ยนอินพุตธรรมชาติให้เป็นการกระทำที่แม่นยำ
Generative AI และโมเดลภาษาใหญ่ ทำให้ AI Agents เข้าใจข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (เช่น อีเมล, PDF, รูปภาพ) และจับบริบทข้ามระบบ ก่อนดำเนินการอย่างถูกต้อง ส่งผลให้ Agents สามารถตัดสินใจเองได้ในจุดที่ระบบอัตโนมัติแบบเดิมทำไม่ได้
เวิร์กโฟลว์อัจฉริยะมีทั้งความจำ ความสามารถในการให้เหตุผล และปรับตัวตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์ Agents หลายตัวสามารถประสานงานผ่านชั้น Orchestration ทำให้กระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับ ERP, CRM, การสื่อสาร และคลาวด์ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น ระบบเวิร์กโฟลว์อัจฉริยะสามารถอ่านข้อความใบแจ้งหนี้ (PDF) ที่ซัพพลายเออร์ส่งทางอีเมล พร้อมกับอ่านภาพหน้าจอสัญญา เข้าใจเนื้อหาทั้งหมด และดำเนินการอนุมัติแบบหลายขั้นตอนได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีมนุษย์มาเขียนสคริปต์เอง
สรุปแล้ว ระบบเวิร์กโฟลว์อัจฉริยะคือแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์ ใช้ AI Agents เป็นกลไกการตัดสินใจพร้อมระบบกำกับดูแลในตัว ไม่ใช่แค่สคริปต์ที่เขียนแข็งตายตัว
5 กระบวนการธุรกิจหลักที่เปลี่ยนแปลงด้วย AI Agents
ปัจจุบัน AI ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสามกลยุทธ์สำคัญสูงสุดสำหรับ 74% ขององค์กร ขณะที่ 90% ของธุรกิจมองว่า AI Agents คือข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน
องค์กรต่าง ๆ กำลังเร่งบูรณาการ AI Agents เข้ากับทุกกระบวนการธุรกิจที่เป็นไปได้ มาดูกันว่ากระบวนการองค์กรจริง ๆ ใดบ้างที่ AI Agents สร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้ในวันนี้
ประสบการณ์ลูกค้า
ปัญหา
ทีมบริการลูกค้าต้องรับมือกับปริมาณเคสที่เพิ่มขึ้นจากอีเมล แชท โซเชียล และช่องทางเสียง อีกทั้งระบบเดิมยังปฏิบัติต่อทุกเคสเหมือนกันหมด ไม่สนใจความเร่งด่วนทางอารมณ์หรือความรู้สึกของลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้าไม่พอใจและอัตราการรักษาลูกค้าต่ำ
ทางออก
โซลูชันเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับองค์กรยุคใหม่ สามารถดูแลบริการลูกค้าผ่านหลายช่องทางได้อย่างมีคุณภาพสม่ำเสมอ และยังจัดหมวดหมู่และส่งต่อเคสโดยอัตโนมัติตามความรู้สึกและลำดับความสำคัญ
เวิร์กโฟลว์ Multi-Channel Customer Support ของ GPTBots มอบบริการลูกค้าอัตโนมัติแบบหลายภาษา ทั้งทาง Telegram และอีเมล ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบจัดลำดับความสำคัญ อัปเดตภาษา ตอบกลับอัตโนมัติ และบันทึกข้อความทั้งหมดอย่างชาญฉลาด
เวิร์กโฟลว์ AI Sentiment Analysis Customer Feedback ของ GPTBots ช่วยส่งแบบฟอร์มสำรวจ รวบรวมคำตอบ วิเคราะห์อารมณ์ด้วย AI ขั้นสูง และบันทึกผลลัพธ์เชิงโครงสร้างลง Google Sheets โดยตรง
ผลกระทบ
เวลาตอบกลับลูกค้าลดลง ความพึงพอใจเพิ่มขึ้น ทีมซัพพอร์ตสามารถโฟกัสกับเคสที่มีผลกระทบสูง ระบบยังเรียนรู้จากฟีดแบ็กอย่างต่อเนื่องและพัฒนาความแม่นยำในการจัดเส้นทางงานให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
การเงิน & การดำเนินงาน
ปัญหา
ทีมการเงินต้องจัดการกับเอกสารจำนวนมากที่ไม่มีรูปแบบแน่นอน เช่น ใบแจ้งหนี้ PDF, ใบเสร็จสแกน, คำสั่งซื้อทางอีเมล และสัญญาซัพพลายเออร์ ระบบอัตโนมัติแบบเดิมมักล้มเหลวเมื่อเจอรูปแบบเอกสารที่ต่างกันหรือข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ต้องตรวจสอบด้วยมือ เกิดความล่าช้าในการอนุมัติและหลักฐานตรวจสอบไม่สมบูรณ์
ทางออก
AI Agent แก้ปัญหานี้ด้วยการตีความเอกสารการเงินที่ไม่มีโครงสร้าง ไม่ต้องยึดติดกับเทมเพลตแบบเดิม
เวิร์กโฟลว์ Automate Invoice Processing ของ GPTBots ช่วยจัดการใบแจ้งหนี้แบบครบวงจร ดึงข้อมูลที่มีโครงสร้างจาก PDF ที่ไม่มีรูปแบบตายตัว และบันทึกรายละเอียดสำคัญลง Google Sheet ที่ใช้ร่วมกัน พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนทีมทันทีเพื่อให้ทุกฝ่ายรับรู้ข้อมูลตรงกัน
ในทำนองเดียวกัน เวิร์กโฟลว์ Information Extraction ของ GPTBots ช่วยอัตโนมัติการดึงข้อมูลบริษัทจากเว็บไซต์ โดยเน้นวิเคราะห์คอนเทนต์แบบ Markdown เพื่อระบุรายละเอียดสำคัญ และส่งออกข้อมูลทั้งหมดในรูปแบบ JSON ที่สะอาดและเป็นมาตรฐาน
ผลกระทบ
เวลาดำเนินการใบแจ้งหนี้ลดลงจากหลายวันเหลือไม่กี่ชั่วโมง ข้อมูลบริษัทและซัพพลายเออร์จากภายนอกถูกเก็บอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ลดข้อผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือและเพิ่มคุณภาพข้อมูล ทุกขั้นตอนถูกบันทึกไว้เพื่อให้การตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดฝังอยู่ในเวิร์กโฟลว์การเงินโดยอัตโนมัติ
การตลาด & ข้อมูลเชิงลึก
ปัญหา
ทีมการตลาดต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ข้อมูลเว็บกระจัดกระจาย และข้อมูลลูกค้าเป้าหมายที่ไม่สม่ำเสมอ การวิจัยเว็บไซต์และแหล่งข้อมูลภายนอกด้วยมือทำให้แคมเปญล่าช้าและขาดมุมมองเชิงกลยุทธ์
ทางออก
โซลูชันเวิร์กโฟลว์ AI สามารถอัตโนมัติและเร่งกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ทีมโฟกัสกับงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์จริง ๆ GPTBots มีเทมเพลต AI Agent หลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์งานการตลาดได้ครอบคลุม
เทมเพลต Automated Web Scraping ของ GPTBots จะดึงเนื้อหาจากหน้าเว็บโดยอัตโนมัติ แยกข้อมูลสำคัญ และแปลงเป็นข้อมูล JSON มาตรฐาน
เวิร์กโฟลว์ AI Landing Page Analysis ของ GPTBots ช่วยอัตโนมัติการตรวจสอบหน้าแลนดิ้งเพจอย่างละเอียด พร้อมให้คำแนะนำ CRO ที่นำไปใช้ได้จริง เจาะลึกปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่าคำแนะนำทั่วไป
เวิร์กโฟลว์ Website Legit Checker ของ GPTBots ประเมินโดเมน เนื้อหา ชื่อเสียง ราคา และปัจจัยอื่น ๆ ของเว็บไซต์ โดยใช้ระบบ multi-agent ที่ขับเคลื่อนด้วย SerpAPI และ GPT-4o ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าเว็บไซต์นั้นเป็นธุรกิจที่น่าเชื่อถือหรือเป็นเว็บไซต์หลอกลวง
ผลกระทบ
ทีมการตลาดได้รับข้อมูลเชิงแข่งขันที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือมากขึ้น พร้อมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายคุณภาพสูงโดยไม่ต้องวิจัยเอง การตัดสินใจแคมเปญขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หน้า Landing Page มีอัตราแปลงที่ดีขึ้น และสามารถคัดกรองกลุ่มเป้าหมายหรือพาร์ทเนอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือได้ตั้งแต่ต้น
HR & Recruitment
ปัญหา
เวิร์กโฟลว์การสรรหาช้า/ทำด้วยมือและมีอคติ ทีม HR ต้องตรวจสอบเรซูเม่ นามบัตร และข้อมูลผู้สมัครจากหลายระบบที่ไม่เชื่อมต่อกัน ทำให้การประเมินผลที่สอดคล้องกันเป็นเรื่องยากเมื่อขยายการจ้างงาน
ทางออก
AI Agents ช่วยทำงานอัตโนมัติสำหรับการรับและให้คะแนนผู้สมัคร สามารถดึงข้อมูลผู้สมัคร ให้คะแนนตามเกณฑ์เฉพาะตำแหน่ง และส่งต่อผู้สมัครที่มีศักยภาพสูง
เวิร์กโฟลว์ Recruitment Automation ของ GPTBots ทำให้การดึงข้อมูลจากเรซูเม่และกระบวนการสรรหางานเป็นอัตโนมัติ ดึงข้อมูลผู้สมัครจากเรซูเม่และสร้างข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบโครงสร้างที่ทีมของคุณนำไปใช้ได้ทันที
ผลกระทบ
ระยะเวลาการจ้างงานลดลง คุณภาพผู้สมัครดีขึ้น และการตัดสินใจจ้างงานมีความสม่ำเสมอและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น ทีม HR ใช้เวลาน้อยลงในการคัดกรอง และมีเวลามากขึ้นในการดึงดูดผู้มีความสามารถชั้นนำ
Business Intelligence
ปัญหา
การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกมักต้องพึ่งนักวิเคราะห์ แดชบอร์ด และเครื่องมือ BI ที่ซับซ้อน ผู้บริหารต้องรอข้อมูลหลายวัน ส่งผลให้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ล่าช้า
ทางออก
Intelligent automation agents ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียม ผู้บริหารสามารถสอบถามข้อมูลในสเปรดชีต สรุปรายงาน และติดตามข่าวสารอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้วยภาษาธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค
เวิร์กโฟลว์ Talk to Your Google Sheets Using ChatGPT-5 ของ GPTBots เชื่อมต่อ Google Sheets กับ ChatGPT-5 ให้คุณสนทนากับข้อมูลได้ด้วยภาษาธรรมชาติ
เวิร์กโฟลว์ AI News Summary ของ GPTBots จะดึงข้อมูลจากหน้าเว็บข่าว คัดเลือกลิงก์บทความที่เกี่ยวข้อง และสร้างสรุปคุณภาพสูง
ผลกระทบ
ผู้บริหารสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ลดการพึ่งพาการรายงานแบบแมนนวล ข้อมูลกลายเป็นบทสนทนาและนำไปใช้ได้จริงในทุกระดับองค์กร
พิมพ์เขียว 4 ขั้นตอนสำหรับการนำเวิร์กโฟลว์ AI ไปใช้ในองค์กร
เมื่อเราเข้าใจประโยชน์ของโซลูชันเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับองค์กรแล้ว คำถามต่อไปคือ องค์กรจะนำเวิร์กโฟลว์ AI ไปใช้โดยไม่เพิ่มความซับซ้อนหรือสร้างภาระให้ทีม IT ได้อย่างไร
นี่คือพิมพ์เขียว 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการออกแบบ นำไปใช้ และขยายเวิร์กโฟลว์ AI:
1. วางแผนและทำแผนผังกระบวนการของคุณ
ทำงานร่วมกับทีมของคุณเพื่อบันทึกทุกขั้นตอนที่ทำด้วยมือ การตัดสินใจ และการส่งต่อในเวิร์กโฟลว์เป้าหมาย ตัวอย่างเช่น กระบวนการอนุมัติใบแจ้งหนี้มักเริ่มต้นจากการได้รับไฟล์ PDF ทางอีเมล จากนั้นมีการกรอกข้อมูลด้วยมือเข้าสู่ระบบ ERP การอนุมัติจากผู้จัดการทางอีเมล และการดำเนินการชำระเงินในระบบการเงินในขั้นสุดท้าย ทุกขั้นตอนเหล่านี้คือโอกาสในการทำให้เป็นอัตโนมัติ
2. ตั้งค่า AI Agent
เลือกแพลตฟอร์มเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับองค์กร จากนั้นใช้ GUI ของแพลตฟอร์มเพื่อสร้างเวิร์กโฟลว์ใหม่ คุณยังสามารถค้นหาเทมเพลตเพื่อช่วยเร่งการพัฒนาได้ เช่น GPTBots มี เทมเพลต หลากหลายสำหรับสร้าง AI Agent สำหรับการเงิน การตลาด การบริการลูกค้า HR ฯลฯ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเวิร์กโฟลว์ของคุณกำหนดรายละเอียดแต่ละขั้นตอนอย่างชัดเจน สำหรับขั้นตอนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้เขียน prompt หรือกติกาที่ใช้กำกับ AI Agent เช่น prompt สำหรับ LLM เพื่อดึงข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ หรือจัดหมวดหมู่อารมณ์ความรู้สึก
เชื่อมต่อ AI Agent เข้ากับระบบของคุณผ่าน API หรือคอนเนกเตอร์ในตัว (ERP, อีเมล, Slack ฯลฯ)
ขอรับเดโมเฉพาะทาง3. ทดสอบและปรับแต่ง
ก่อนใช้งานจริง ให้รันเวิร์กโฟลว์ใหม่ในสภาพแวดล้อมทดสอบ (sandbox) ใช้ข้อมูลย้อนหลังหรือกรณีตัวอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าทุกขั้นตอนทำงานได้จริง
ตรวจสอบการเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐาน IT ของคุณ และดูว่ากรณีผิดพลาดมีแผนสำรองหรือไม่ ปรับแต่ง prompt และตรรกะตามผลการทดสอบ
4. ทยอยนำไปใช้จริงและติดตามผล
ค่อย ๆ เปิดใช้งานเวิร์กโฟลว์เป็นระยะ เริ่มจากกลุ่มผู้ใช้หรือช่วงเวลาที่จำกัด แล้วจึงขยายเมื่อระบบมีความเสถียร ระหว่างนี้ควรติดตามตัวชี้วัดและ log เช่น เวลาที่ประหยัดได้ อัตราความผิดพลาด และการตัดสินใจของ AI Agent
แพลตฟอร์มเวิร์กโฟลว์สมัยใหม่มีแดชบอร์ดและระบบแจ้งเตือนสำหรับติดตามผล ดังนั้นควรปรับแต่ง prompt และกติกาของ AI Agent อย่างต่อเนื่องเมื่อมีข้อมูลเพิ่มขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสามารถทำกระบวนการอื่น ๆ ให้เป็นอัตโนมัติได้มากขึ้น
สิ่งที่องค์กรต้องไม่ละเลย: ความปลอดภัยและธรรมาภิบาลสำหรับ AI
เมื่อ CIO ได้ยินคำว่า "AI Agent" สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ดังนั้นเมื่อเลือกโซลูชันระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ต่อไปนี้คือข้อรับประกันที่องค์กรควรได้รับแบบไม่มีเงื่อนไข
การแยกข้อมูล (ไม่ใช้ข้อมูลสำคัญในการฝึก AI)
ข้อมูลองค์กรต้องไม่ถูกนำไปใช้ฝึก AI ผู้ให้บริการ AI ชั้นนำรับประกันชัดเจนว่าจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลของคุณไปใช้ฝึกโมเดล
ตัวอย่างเช่น ChatGPT Enterprise ระบุไว้ว่า“ข้อความที่ลูกค้าป้อนและข้อมูลบริษัทจะไม่ถูกนำไปฝึกโมเดลของ OpenAI” และยังได้รับการรับรอง SOC2 พร้อมการเข้ารหัส AES-256 ทั้งขณะส่งและขณะจัดเก็บ นั่นหมายความว่าเอกสารหรือข้อมูลลูกค้าที่ส่งให้ AI Agent จะถูกเก็บเป็นความลับและไม่ถูกนำไปใช้เรียนรู้ต่อ
การตรวจสอบย้อนกลับและการติดตาม
ทุกการดำเนินการที่ขับเคลื่อนด้วย AI ต้องมีการบันทึก log แพลตฟอร์มเวิร์กโฟลว์จะมี audit trail แบบสมบูรณ์เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่า AI Agent ทำอะไรและทำไม
เมื่อทุกการตัดสินใจ (เช่น ใบแจ้งหนี้ใดที่ถูกจ่าย ตั๋วใดถูกจัดหมวดหมู่) ถูกบันทึกไว้ จะช่วยให้องค์กรตอบข้อสงสัยผู้ตรวจสอบบัญชีได้และแก้ปัญหาได้รวดเร็วจากการตรวจสอบ log
ความสามารถในการขยายระบบระดับองค์กร
ระบบต้องสามารถรองรับปริมาณงานสูงสุดทั่วทั้งองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยายขนาดในแนวนอน เช่น AI Agents ของ GPTBots ที่รองรับเวิร์กโฟลว์ขนาดใหญ่และมีระบบสมดุลโหลดในตัว
ในช่วงที่มีปริมาณงานสูง (เช่น ปิดงบสิ้นเดือน, Black Friday) แพลตฟอร์มควรสามารถเพิ่มจำนวน bot ได้แบบอัตโนมัติเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้ลื่นไหล
การกำกับดูแล
อย่าละเลยการควบคุมตามบทบาทและข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ AI Agents ควรเคารพนโยบายเดิมขององค์กรคุณ (เช่น HIPAA, GDPR, SOX ฯลฯ) หลายระบบอนุญาตให้คุณกำหนดข้อกำหนด (เช่น ซัพพลายเออร์ที่ได้รับอนุมัติ, ขีดจำกัดการใช้จ่าย) ได้โดยตรงในเวิร์กโฟลว์
เมื่อกำหนดไว้แล้ว AI Agents จะบังคับใช้การปฏิบัติตามกฎระเบียบโดยอัตโนมัติ เช่น การส่งคำสั่งซื้อทุกใบผ่านสายอนุมัติที่ถูกต้อง
สรุป
ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับองค์กรในปัจจุบันไม่ได้จำกัดแค่การลดขั้นตอนงานด้วยมือหรือเร่งงานเฉพาะจุดอีกต่อไป แต่กลายเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินงานและการแข่งขันขององค์กรยุคใหม่
เมื่อ AI Agents ก้าวจากการทดลองสู่การใช้งานจริง องค์กรที่นำเวิร์กโฟลว์อัจฉริยะและเชื่อมโยงทั้งระบบมาใช้ จะมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานสูงขึ้นและได้เปรียบในการจัดการความซับซ้อนของข้อมูลและทีมงาน
การเปลี่ยนผ่านจากระบบอัตโนมัติแบบใช้กฎสู่ระบบเวิร์กโฟลว์ขับเคลื่อนด้วย AI ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวิธีการทำงาน องค์กรสามารถออกแบบเวิร์กโฟลว์ที่เข้าใจบริบท ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้
ขอรับเดโมเฉพาะสำหรับคุณสำหรับองค์กรที่กำลังพิจารณาการเปลี่ยนผ่านนี้ คำถามที่พบบ่อยจะเน้นเรื่องผลตอบแทนที่วัดได้ ความแตกต่างทางสถาปัตยกรรม และควรเริ่มต้นอย่างไร
คำถามต่อไปนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเหล่านี้:
ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับองค์กรให้ ROI อย่างไร?
ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสมัยใหม่มักให้ผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว เช่น AI Agents สำหรับองค์กรของ GPTBots สามารถลดต้นทุนได้ถึง 70% และแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น 50% แมคคินซีย์ ยังพบว่าการทำกระบวนการซ้ำ ๆ ให้เป็นอัตโนมัติช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้สูงสุดถึง 30%
ผลลัพธ์นี้เกิดจากการลดข้อผิดพลาดจากงานมือและรอบเวลาที่สั้นลง อีกทั้งพนักงานยังมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลายร้อยชั่วโมงต่อปี ซึ่งสำหรับองค์กรส่วนใหญ่แปลเป็นมูลค่าหลายล้านบาท
RPA กับระบบเวิร์กโฟลว์องค์กรแบบ AI ต่างกันอย่างไร?
เครื่องมือ RPA แบบดั้งเดิมจะทำตามกฎที่กำหนดไว้ตายตัว เหมาะกับงานที่เรียบง่ายและซ้ำซาก แต่จะมีปัญหาเมื่องานเปลี่ยนแปลงหรือมีข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง
ในทางตรงข้าม ระบบเวิร์กโฟลว์องค์กรแบบ AI ใช้ AI Agents ที่สามารถอ่านอีเมล, ไฟล์ PDF และอินพุตอิสระอื่น ๆ เข้าใจบริบทข้ามระบบ และตัดสินใจอย่างยืดหยุ่น
สรุปคือ RPA เน้นอัตโนมัติงานย่อย แต่ระบบเวิร์กโฟลว์แบบ Agentic จะอัตโนมัติทั้งกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วยการตัดสินใจในระดับองค์กร
จะเริ่มสร้าง AI Workflow Agent ตัวแรกสำหรับองค์กรอย่างไร?
เริ่มจากกระบวนการที่มีความชัดเจน เช่น การอนุมัติใบแจ้งหนี้ หรือการจัดการทิกเก็ตบริการลูกค้า จากนั้นวางแผนแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน ใช้แพลตฟอร์มเวิร์กโฟลว์แบบใหม่ที่รองรับ no-code/low-code เพื่อกำหนดค่า AI Agent, ตั้ง Prompt, และเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลหรือแอปพลิเคชันที่จำเป็น ทดสอบเวิร์กโฟลว์ในสภาพแวดล้อมจำลองและปรับปรุงตามผลลัพธ์ เมื่อมั่นใจในประสิทธิภาพและความเสถียรแล้วจึงค่อย ๆ ขยายการใช้งาน







